Work from home

4 Work from home ข้อดีทำงานที่บ้านที่ไม่มีใครรู้?

Click to rate this post!
[Total: 152 Average: 5]

Work from home

รู้จักกับการทำงานแบบ Work From Home ในยุค COVID-19

เนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID-19 ซึ่งได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงลุกลามไปทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2019 แม้ว่าปัจจุบันจะเข้าสู่กลางปี 2021 แล้วก็ตาม แต่หลายประเทศก็ยังต้องรับมือกับผลกระทบของวิกฤตการณ์การจากแพร่ระบาดเชื้อไวรัสนี้อยู่

Work From Home

Work From Home

ซึ่งผลกระทบที่ต้องเกิดขึ้นโดยตรงนั้นก็ คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางส่วนไป เช่น การต้องสวมหน้ากากอนามัยเข้าในสังคมเพื่อการเข้าสู่ส่วนรวม ต้องล้างมือบ่อยครั้ง และที่สำคัญพฤติกรรมการทำงานที่ต้องรักษาระยะห่างมากขึ้น จึงได้เกิดการทำงานรูปแบบที่ทำงานที่บ้านของตนเอง เรียกว่าเป็น “การทำงานทางไกลและที่บ้าน” (Telework and work at home) นั้นเอง

Work From Home คืออะไร

worksคือ การทำงานที่บ้าน หรือการทำงานนอกสถานที่ซึ่งไม่ได้เป็นสถานที่บริษัท ไม่ใช่ออฟฟิศที่ทำงาน ทั้งนี้ก็ต้องบอกเลยว่าการ Work From Home ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ของโลกในนี้ แต่ส่วนใหญ่การ Work From Home มักจะเป็นที่นิยมในแถบของตะวันตกมากกว่าฝั่งบ้านเรา สำหรับประเทศไทยเองก็มีการให้  Work From Home บ้างในบางบริษัทอยู่ โดยมักจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งงาน หน้าที่ความรับผิดชอบ และเรื่องวัฒนธรรมองค์กร

รวม ข้อดี-ข้อเสียเมื่อต้องมีการ Work From Home

แน่นอนว่าเมื่อต้องมีการทำงานแบบทางไกลหรือทำงานที่บ้านแล้วย่อมส่งผลต่อพฤติกรรมที่จะเปลี่ยนไปบางส่วน โดยมีผลที่ตามมาหลายอย่างด้วยกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่ดี

ข้อดีของการ  Work From Home

  1. สร้างความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น

ในระหว่างวันคุณสามารถจัดการลำดับขั้นการทำงานได้ดีมากขึ้น แบ่งการทำงานหลักงานรองได้ดีมากขึ้น ที่สำคัญคุณไม่จำเป็นต้องทำงานที่บ้านก็ได้ แต่ก็จะต้องสามารถรับผิดชอบงานนั้น ๆ ให้เสร็จสิ้นตามที่ได้รับมอบหมายให้ได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบริษัทว่ามีความยืดหยุ่นในสถานที่ทำงานมากน้อยขนาดไหนด้วยเช่นกัน

  1. ลดความขัดแย้งได้ดี ไม่ถูกขัดจังหวะทำงาน

เชื่อว่าหลายคนมีปัญหาบ่อยครั้งในขณะที่ทำงาน อาจจะเสียสมาธิไปชั่วขณะเพราะคุณยังทำงานชิ้นนี้ไม่เสร็จ ก็โดนขัดจังหวะให้ตามเรื่องประชุมหรืออื่น ๆ รอบตัวมากมาย แน่นอนว่าสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งในที่ทำงานได้อย่างง่ายดายสุด ๆ การที่คุณได้ทำงานที่บ้านจึงเป็นทางเลือกให้คุณได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น มีสติ สมาธิ ไม่ต้องรู้สึกขัดแย้งหรือทะเลาะกับเพื่อนร่วมงานเฉย ๆ ระหว่างวัน

  1. ทำหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน

ไม่ว่าคุณจะประชุมหรือต้องปั่นงานก็ทำงานบ้านในวันนั้นไปด้วยได้แบบเนียน ๆ รวมทั้งสามารถจัดการงานหลายชิ้นพร้อม ๆ กันได้ ไม่ว่าจะเป็นงานส่วนตัวไม่เกี่ยวกับที่ทำงานก็ตาม เพราะเชื่อว่าบางคนอาจจะต้องเลี้ยงลูกที่ต้องเรียนที่บ้านเหมือนกัน ทางเลือกการได้ Work From Home จึงถือว่าช่วยลดภาระบางส่วนออกไปได้เช่นกัน

  1. ชุดอยู่บ้านก็คือชุดทำงาน

ถือเป็นข้อดีที่หลายคนชอบมาก เพราะในแต่ละวันกว่าคุณจะตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว เดินทางไปทำงานก็เสียเวลาไปนับชั่วโมง ๆ แต่เมื่อคุณได้ปรับรูปแบบมาทำงานทางไกลหรือทำงานที่บ้าน ก็ทำให้คุณสามารถเลือกสวมชุดนอนแล้วประชุมงานได้ทันที หรือยิ่งไปกว่านั้นหลายโปรแกรมที่ต้องเห็นหน้าขณะประชุมมีฟีเจอร์สวมเสื้อผ้าหรือเลือกภาพพื้นหลังได้อีกด้วย ถือได้ว่าเป็นข้อดีสำหรับการทำงานที่บ้านอย่างมากทีเดียว

ข้อเสียของการ Work From Home

  1. ไม่รู้สึกถึงการได้กลับบ้าน

ซึ่งปัญหานี้ทำให้คนที่มักจะแบ่งพื้นที่ทำงานและที่บ้านเกิดปัญหาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะตามปกติคุณอาจจะต้องออกไปทำงานนอกบ้านซึ่งเป็นสถานที่ทำงานและเก็บหรือแบ่งเรื่องงานไว้เฉพาะที่ทำงานเท่านั้น ถึงเวลาที่หมดวัน เหน็ดเหนื่อยก็เดินทางกลับบ้านพักผ่อน แต่เมื่อรูปแบบการทำงานเป็นแบบทำงานที่บ้าน หลายคนจึงไม่รู้สึกว่าได้พักผ่อน ก็มีเช่นกัน

  1. ไม่มีเวลาทำงานชัดเจน

ปกติเมื่อเลิกงานแล้วเราอาจจะมีเวลาการทำงานที่ขัดเจน แต่สำหรับการทำงานอยู่ที่บ้านหรือทำงานแบบทางไกล อาจจะเสียประโยชน์เรื่องนี้ได้ง่ายมาก หรือบางคนอาจจะลืมไปเลยด้วยซ้ำว่ามีพักเที่ยงอยู่ สำหรับการติดต่องานเองก็อาจจะล่วงเลยชั่วโมงเลิกงานที่เคยมีก็เป็นได้เช่นกัน

  1. เหงา ไม่มีแรงบันดาลใจ

สำหรับบางคนที่ชอบการพบปะผู้คน การได้ทำงานทางไกลหรือที่งานที่บ้านก็เท่ากับอยู่คนเดียวก็มี ทำให้แทนที่จะรู้สึกสงบ กลับรู้สึกเหงาเพราะไม่เจอเพื่อร่วมงานเสียอย่างนั้น ดังนั้นคนที่ทำงานทางไกลก็อาจจะแก้ปัญหานี้ด้วยการคุยกับเพื่อนร่วมงานออนไลน์ แชทหาบ่อย ๆ ก็อาจจะช่วยหายเหงาไปได้บ้างนั้นเอง แต่ก็ไม่ใช้นั่งแชทเสียจนไม่ได้ทำงาน นอกจากนี้การสที่ไม่ออกไปเจอผู้คนก็อาจจะทำให้เราขาดแรงบันดาลใจได้ง่ายมาก เพราะเราต้องตื่นมาเจออะไรทุกอย่างแบบเดิมนั้นเอง

  1. ขาดวินัยการทำงาน

เพราะการทำงานที่ไม่ได้อยู่ในสถานที่ทำงานซึ่งมีผลในการสร้างความกดดันในการทำงาน ทำให้บางครั้งคุณปล่อยปะละเลยเรื่องงานมากขึ้น จากที่รู้สึกขี้เกียจทำงานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้ทำงานที่บ้านก็จะยิ่งขี้เกียจมากยิ่งขึ้นไปอีก ฉะนั้นจะต้องตั้งวินัยสำหรับวันที่ต้องทำงานให้ดีเพื่อให้เราไม่เสียนิสัยไปนั้นเอง

  1. ขาดฝ่าย IT

แน่นอนว่าฝ่าย IT เหมือนพระเจ้าที่สามารถช่วยคุณได้ทุกเรื่องเมื่อติดปัญหาด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี กลับกันเมื่อคุณต้องทำงานที่บ้าน คุณจะต้องแก้ปัญหาเหล่านั้น ในแบบเฉพาะหน้าให้ได้ ซึ่งเป็นภาคบังคับสุด ๆ หากวันดีคืนดีเกิดทะเลาะกับคอมฯตัวเองขึ้นมาล่ะก็ ไม่ต้องได้ส่งงานกันพอดี ดังนั้นฝ่าย IT มีความสำคัญกับบริษัทมาก ทั้งนี้หลายบริษัทเลือกแก้ไขปัญหาโดยมีการให้โทรศัพท์ติดต่อ IT ได้เองโดยตรง เพื่อขอความช่วยเหลือเบื้องต้นเสียก่อน แต่ก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าพึ่งให้คอมฯมีปัญหาตอนที่จะมีการประชุมก็พอ

รวม 10 โปรแกรมตัวช่วยช่วง Work From Home

home work

home work

  1. Serene

รองรับเฉพาะระบบคอมพิวเตอร์แมค โดยจะให้บริการได้ครั้งละประมาณ 20-60 นาที

  1. Slack

รองรับได้ทุกระบบคอมพิวเตอร์ และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือได้ด้วยเช่นกัน มีค่าบริการเพื่อใช้งานพื้นที่เก็บข้อมูลอยู่ที่ 5.25 ปอนด์หรือประมาณ 210 บาท มีลักษณะการสทำงานแบบการส่งข้อความ เหมาะกับการทำงานเป็นทีม

  1. Zoom

รองรับได้ทุกระบบคอมพิวเตอร์ และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือ โดยให้บริการลักษณะของวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ เรียกว่าเป็น Zoom Meetings & Chat โดยจะมีบริการให้ฟรี และแบบเสียค่าบริการรายเดือนที่ 14.99  ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 480 บาทต่อโฮสต์นั้นเอง

  1. Chrome Remote Desktop

รองรับได้ทุกระบบคอมพิวเตอร์ และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือระบบปฏิบัติการ iOS, แอนดรอยด์, ระบบเสริมที่ติดตั้งใน Google Chrome โดยสามารถนำลิ้งค์ที่ได้ เพื่อเข้าใช้งาน

  1. Toggl

รองรับได้ทุกระบบคอมพิวเตอร์ทั้งวินโดวส์, แมค และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือระบบปฏิบัติการ iOS, แอนดรอยด์

  1. Spark

รองรับได้สำหรับระบบคอมพิวเตอร์แมค และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือระบบปฏิบัติการ iOS, แอนดรอยด์ โดยมีฟังก์ชันการกรองเอาอีเมลที่ไม่สำคัญออก หรือให้แจ้งเตือนในภายหลัง ค่าบริการแบบรายเดือน เริ่มต้นที่ 6.39 ดอลลาร์ต่อหนึ่งยูสเซอร์

  1. Google Drive

รองรับได้ทุกระบบคอมพิวเตอร์ทั้งวินโดวส์, แมค และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือระบบปฏิบัติการ iOS, แอนดรอยด์ เว็บต่าง ๆ

  1. Calendar

รองรับได้ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งวินโดวส์ และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือระบบปฏิบัติการ iOS, แอนดรอยด์ เป็นตัวช่วยด้านการนัดหมาย และช่วยจัดการการประชุมได้เป็นอย่างดี

  1. Zapier

รองรับได้ทุกระบบคอมพิวเตอร์ทั้งวินโดวส์, แมค และสามารถดาวน์โหลดใช้งานในมือถือระบบปฏิบัติการ iOS, แอนดรอยด์ เว็บต่าง ๆ สามารถแชร์ข้อมูลได้โดยที่ไม่ต้องเข้าออกหลายเว็บ

  1. Daywise

รองรับได้เฉพาะระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์สำหรับมือถือเท่านั้น

กฎเหล็กของการ Work From Home ให้มีประสิทธิภาพ

work at home

work at home

เชื่อว่าหลายคนมีปัญหาเรื่องการที่ต้องทำงานที่บ้าน เพราะอาจจะเพราะความสะดวกสบายที่ทำให้ชีวิตของคุณยืดหยุ่นมากจนเกินไป บางครั้งยิ่งได้อยู่บ้านก็อาจจะทำให้ชีวิตส่วนตัวคุณไร้ระเบียนแบบแผน ไม่ถูกกำหนด ไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อนหรือควรไปสิ้นสุดการทำงานตอนไหน ซึ่งอาจจะทำให้คุณเองเสียนิสัยได้ง่าย ๆ หลายองค์กรเลือกให้มีการเช็คอินเพื่อเข้าระบบ เสมือนการเข้างาน และหลายองค์กรก็ไม่ได้มีระบบอะไรเข้ามาช่วยมากนัก ดังนั้น เราทุกคนจึงควรมีเรื่องที่เราต้องฝึกและต้องบังคับตัวเองเพื่อไม่ให้เราเสียนิสัยและส่งผลต่อชีวิตการทำงานเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานที่ซ้อนทับกันไม่เป็นระบบระเบียบได้นั้นเอง

  1. จัดพื้นที่สำหรับการนั่งทำงานโดยเฉพาะ

เป็นการแบ่งพื้นที่เพื่อให้รู้สึกเหมือนได้นั่งทำงานอยู่จริง จะช่วยให้คุณได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะต้องประชุมหรือต้องทำงานสั่งด้วยตนเอง ก็สามารถแบ่งพื้นที่ได้อย่างชัดเจน โดยพื้นที่การทำงานเองก็มีผลทางด้านจิตวิทยาเช่นกัน ว่าเราจะรู้สึกอยากรับผิดชอบงานมากขึ้นเมื่อมีพื้นที่การทำงานส่วนตัว และส่งผลให้มีสมาธิการทำงานได้ดีมากขึ้นอีกด้วย

  1. ตั้งเวลาทำงาน

กำหนดเวลาการทำงานให้ชัดเจนในแต่ละวัน อาจะยืดหยุ่นได้เล็กน้อย เพื่อฝึกวินัยเรื่องการแบ่งเวลาให้ชัดเจน ไม่เสียเวลาทำงาน และไม่เสียเวลาการใช้ชีวิตส่วนตัว เมื่อถึงคราวต้องพักเที่ยงหรือทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมงก็ควรจะมีเวลาพักสมองพักสายตาบ้าง เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลิกงานก็ต้องหยุดและนำปัญหาหรือการทำงานไปลุยต่อวันถัดไป อย่าลืมว่าสุขภาพของคุณนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดูแลให้มากที่สุด

  1. เมื่อต้องทำงาน ห้ามรับเรื่องอื่นมาปน เป็นการตัดสิ่งรอบตัวทิ้งไปให้หมด

สำหรับการทำงานที่ไม่ได้มีสภาพแวดล้อมเป็นเพื่อนร่วมงานหรืออยู่สถานที่ทำงาน อาจจะทำให้จิตใจคุณขาดสมาธิ และวอกแวกได้ง่าย ไม่ควรเปิดจอแท็ปแล็ตดูซีรีย์ไปด้วย เปิดทีวีดูข่าว หรือนั่งแชทมือถือไปพราง ควรตัดสิ่งที่อาจจะรบกวนสมาธิออกไปให้ได้มากที่สุด ให้เหมือนว่าคุณกำลังนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศนั้นเอง ทั้งนี้ก็อาจจะมีเสียงไม่พึงประสงค์ได้ เพราะอย่าลืมว่าเมื่อคุณต้องทำงานที่บ้าน หรือสถานที่ซึ่งไม่ได้อยู่เป็นออฟฟิศก็อาจจะมีเสียงรอข้าง ยิ่งหากอยู่บ้านที่มีหลายคนก็อาจจะเกิดเสียงอื่น ๆ หรือมีคนอื่นคนกวนคุณทั้งวันเช่นกัน ดังนั้นคุณเองก็อาจจะต้องหาพื้นที่ทำงานที่สามารถทำงานได้จริง และหากต้องทำงานในพื้นที่บ้านคนเยอะก็อาจจะต้องอธิบายให้ที่บ้านเข้าใจเวลาที่คุณต้องการความเป็นส่วนตัว และอาจจะเลี่ยงเสียงอื่นด้วยการใส่หูฟังลดเสียงก็ได้เช่นกัน

  1. สื่อสารกับทีมงานและเพื่อนร่วมงานให้ดี

เพราะต้องสื่อสารกันแบบระยะไกล อาจจะทำให้หลายคนเสียเวลาเรื่องการอธิบาย ฉะนั้นการฝึกเจรจาให้มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ซึ่งหากคุณทำข้อนี้ได้ดีการทำงานระยะไกลหรือการทำงานที่บ้านก็จะดีสำหรับคุณอย่างมาก เพราะใช้การสื่อสารเพียงไม่กี่โยคก็ส่งงานกันเรียบร้อย ไม่ต้องเสียเวลาในการคุยเจรจาที่วุ่นวายในแต่ละวันอีกด้วย

  1. ลำดับความสำคัญของงาน

เมื่อไม่มีคนมาเร่งตามงานในแต่ละวัน ทำให้เราต้องจัดสรรการทำงานเองเพื่อส่งให้ได้ตามกำหนด หรืออีกกรณีคือ โดนสั่งงานซ่อนกันเพราะ เมื่อต้องทำงานทางไกล อาจจะทำให้เกิดการทำงานซ้ำซ้อนมากขึ้น บางทีมีเจ้านายหลายคนอาจจะสั่งงาน โดยที่ไม่รู้ว่าคุณมีงานที่ต้องปั่นอยู่มากขนาดไหน ดังนั้นการลำดับความสำคัญเป็นเรื่องที่คุณต้องจัดการเองให้ได้

งานวิจัยเกี่ยวกับการ Work From Home

work from home แปล

work from home แปล

การ Work From Home นั้นก็ได้มีงานวิจัยบางส่วนมารองรับประสิทธิภาพด้วยเช่นกันว่าแท้จริงว่า ข้อถกเถียงกันที่ว่าการทำงานไกลบ้านนั้นดีจริงหรือไม่ อย่างไร โดยเราสามารถมองผลลัพธ์ของการ Work From Home ได้จาดงานวิจัยที่มารองรับ ซึ่งเราก็ขอยกตัวอย่างงานวิจัยบางชิ้นงาน ดังนี้

งานวิจัยการทำงานทางไกลและที่บ้าน โดยมนัสนันท์ ศรีนาคารและพิชิต พิทักษ์ เทพสมบัติ.

เป็นลักษณะงานวิจัยของคนไทยเองที่ศึกษาระดับของการทำงานแบบทางไกลหรือทำงานที่บ้านโดยเปรียบเทียบว่ามีความแตกต่างกับรูปแบบการทำงานแบบเดิมหรือไม่อย่างไร

กลุ่มผู้ถูกวิจัย เป็นการสุ่มตัวอย่างเพื่อใช้ในการศึกษางานวิจัย ได้แก่ พนักงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ข้าราชการจากคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานข้าราชการพลเรือน และสำนักงานเศรษฐกิจการพลัง นอกจากนี้ยังมีนักธุรกิจส่วนตัว สัตวแพทย์ และกลุ่มอาชีพอิสระรวมทั้งสิ้น จำนวน 297 คน โดยเป็นงานวิจับในแบบการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามและสถิติเพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูล

จากกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 79.8 ของกลุ่มตัวอย่างได้ทำงานที่สำนักงานหรือออฟฟิศ ร้อยละ 11.1 ของกลุ่มตัวอย่างได้ทำงานที่สำนักงานหรือออฟฟิศครึ่งหนึ่งและใช้เวลาอีกครึ่งหนึ่งของการทำงานไปทำงานที่บ้าน และร้อยละ 9.1 ของกลุ่มตัวอย่างได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำงานที่บ้านหรือทำงานแบบทางไกล

การทำงานแบบทางไกลหรือการทำงานที่บ้านสร้างประสิทธิภาพการทำงานได้ดีกว่าเดิม

เมื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า การทำงานแบบทางไกลหรือการทำงานที่บ้านสร้างประสิทธิภาพการทำงานได้ดีกว่าเดิม สรุปได้จากประเด็น ดังนี้

  1. รู้สึกมีอิสระในการทำงานได้มากขึ้น
  2. มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น
  3. รู้สึกมีความสุขมากกว่าเดิม
  4. มีความขัดแย้งในการทำงานลดลง
  5. ผู้ทำงานหรือพนักงานมีความมั่นใจในด้านการทำงาน เรื่องการตัดสินใจ
  6. งานที่ทำมีประสิทธิภาพดีมากกว่าเดิมเมื่อทำงานทางไกลหรือทำงานที่บ้าน
  7. สื่อสารกับผู้ร่วมงานได้ดีขึ้น และมีความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานและกับหัวหน้างานได้ดีขึ้น
  8. ได้เงินเดือนเพิ่มมากขึ้น

สามาถติดตามฉบับเต็มงานวิจัยเรื่อง “การทำงานทางไกลและที่บ้าน/Telework and Work at Home” ได้จากเว็บไซด์ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JEM/article/view/29085

นอกจากบทสรุปงานวิจัยบางส่วนนี้แล้ว ยังมีเรื่องของงานวิจัยที่สำรวจด้านทัศนคติและการยอมรับในการทำงานแบบทางไกลหรือการทำงานที่บ้าน จากกรณีศึกษาของ ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งนอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอีกมากมายซึ่งเกี่ยวข้องกับการ Work from Home หลายงานทั้งในประเทศและนอกประเทศ