Suffix noun
Suffix noun ส่วนต่อท้ายคำนามให้สมบูรณ์ มีอะไรบ้าง
ในภาษาอังกฤษเรามักจะเห็นส่วนของคำนำหน้าและต่อท้าย ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการใส่เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่เราจะเรียกว่าเป็นการเติมคำให้มีรูปแบบที่สมบูรณ์ได้มากยิ่งขึ้น โดยการใช้คำนำหน้าและต่อท้ายจะบ่งบอกหน้าที่ คุณลักษณะในการใช้คำเหล่านั้นด้วยเช่นกัน ซึ่งการใช้ส่วนคำนำหน้าจะเรียกว่า Prefix และส่วนของคำต่อท้ายคำจะเรียกว่า Suffix ซึ่งเป็นส่วนที่มาทีหลังนั้นเอง
Noun suffix คือ
แปลตามตัวแล้ว Suffix จะถูกเรียกว่าปัจจัย โดยไม่ได้นำมาใช้ในประโยคหรือกลุ่มคำ แต่ suffix จะเข้าไปเติมท้ายคำต่าง ๆ เพื่อให้ความหมายของคำนั้นมีความสมบูรณ์และจัดวางในรูปประโยคได้อย่างถูกต้อง ซึ่งส่วนที่ suffix เข้าไปเติมนี้เองที่ถูกจัดเป็นคำนาม (noun suffix) คำกริยา (Verb Suffix) คำคุณศัพท์ (Adjective Suffix) คำวิเศษณ์ ( adverb suffix) ซึ่ง suffix noun verb adjective adverb จะมีการใช้ suffix ที่ไม่เหมือนกัน และ suffix เหล่านั้นจะบอกได้ว่าเป็นคำประเภทไหน
Noun suffix ตัวอย่างเช่นคำว่า “friendship แปลว่า ความเป็นเพื่อน” suffix noun คือคำว่า -ship นำมาต่อท้าย friend เพื่อให้คำมีความสมบูรณ์และกลายเป็นคำนาม และสังเกตได้ว่า -ship จะเป็นการใช้เฉพาะคำ noun suffix เท่านั้น
Suffix noun มีอะไรบ้าง
noun-forming suffix เป็นการเติม suffix เพื่อให้คำเหล่านั้นหลานเป็นคำนามขึ้นมา noun suffix list ทั้งหมดจะแตกต่างกันตามกฎการเติมคำ โดยที่ suffix noun list มีดังนี้
- -ment, -tion, -ation, -ition, -ification, -sion, -al, -ance/ -ence
- -ee/-e, -an/ -n, -ant, -ent, -er/ or, -ese, -ess, -ure
- -ism/ ist, -ty/ -ity, -ness, -y/ ery, -ing, -dom, -hood, -ship
Noun suffix ที่ใช้บ่อย คือ -ship, -ee, -ness, -dom, -hood, -al, -er/-or, -tion
Noun suffix คําศัพท์ และวิธีการใช้ suffix ที่เป็น noun
- การใช้ -ment อ่านว่า เม้นท์ เป็นการเปลี่ยนจาก verb to noun suffix ซึ่งจะสามารถเติมหลังคำกริยานั้น ให้เปลี่ยนเป็นคำนาม ตัวอย่างเช่น
- Amuse เปลี่ยนเป็น Amusement
- Achieve เปลี่ยนเป็น Achievement
- Govern เปลี่ยนเป็น Government
- Agree เปลี่ยนเป็น Agreement
- Develop เปลี่ยนเป็น Development
- การใช้ –tion อ่านว่า ชั่น เป็นการเปลี่ยนจาก verb to noun suffix มักจะนำลงท้ายคำกริยาที่ออกเสียงเป็นคำว่า เอจ ดังนั้น เมื่อเติม tion จึงอ่านเป็น เอชั่นหรืออีชั่น ตัวอย่างเช่น
- Complete เปลี่ยนเป็น Completion
- Appreciate เปลี่ยนเป็น Appreciation
- Violate เปลี่ยนเป็น Violation
ซึ่งมีคำกริยาที่ไม่ต้องลงท้าย เอ หรือ อี แต่เติม -tion ก็มีเช่นกัน ตัวอย่างเช่น
- Attend เปลี่ยนเป็น Attention
- Collect เปลี่ยนเป็น Collection
- Produce เปลี่ยนเป็น Production
- การใช้ –ation อ่านว่า เอชั่น เป็นการเปลี่ยนจาก verb to noun suffix โดยเน้นการออกเสียงพยัญชนะตัวหน้ารวมกับ เอ และเติมคำว่า ชั่น ซึ่งเน้นเสียงหนักในการออกเสียงตรงตัว เอ มากกว่า ชั่น ตัวอย่างเช่น
- Adapt เปลี่ยนเป็น Adaptation
- Observe เปลี่ยนเป็น Observation
- Expect เปลี่ยนเป็น Expectation
- Transport เปลี่ยนเป็น Transportation
- การใช้ –ition อ่านว่า อิชั่น การเปลี่ยนจาก verb to noun suffix โดยเน้นการออกเสียงพยางค์ก่อน อิชั่น และจะต้องผสมเสียงของตัวพยัญชนะตัวสุดท้ายเข้ากับ อิ และเติมคำว่า ชั่น ต่อท้าย ตัวอย่างเช่น
- Repeat เปลี่ยนเป็น Repetition
- Expose เปลี่ยนเป็น Exposition
- Compete เปลี่ยนเป็น Competition
- การใช้ –ification อ่านว่า อิฟิเคชั่น การเปลี่ยนจาก verb to noun suffix โดยจะเติมในคำกริยาที่ลงท้ายด้วย -ify เปลี่ยนรูปให้เป็น -ification แทน ซึ่งจะเน้นการออกเสียงหนักพยางค์แรกและพยางค์ก่อนลงท้ายชั่นอีกเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น
- Amplify เปลี่ยนเป็น Amplification
- Beautify เปลี่ยนเป็น Beautification
- Classify เปลี่ยนเป็น Classification
- การใช้ –sion อ่านว่า ชั่น การเปลี่ยนจาก verb to noun suffix โดยจะเติมในคำกริยาที่ลงท้ายด้วย -deต้องเปลี่ยนรูป โดยตัด -de ออกและเติม -sion แทน ซึ่งจะเน้นการออกเสียงหนักพยางค์แรกหรือพยางค์ก่อนชั่น ตัวอย่างเช่น
- Decide เปลี่ยนเป็น Decision
- Divide เปลี่ยนเป็น Division
- Conclude เปลี่ยนเป็น Conclusion
- Invade เปลี่ยนเป็น Invasion
- การใช้ –sion ที่เติมในคำกริยาที่ลงท้ายด้วย –se, t ก็ทำได้ ต้องเปลี่ยนรูป โดยตัด –se, t ออกและเติม -sion แทน ซึ่งจะเน้นการออกเสียงหนักพยางค์แรกหรือพยางค์ก่อนชั่น ตัวอย่างเช่น
- Revise เปลี่ยนเป็น Revision
- Permit เปลี่ยนเป็น Permission
- Omit เปลี่ยนเป็น Omission
- การใช้ –al อ่านว่า ออล์ การเปลี่ยนจาก verb to noun suffix โดยจะเติมในคำกริยาที่ลงท้ายด้วย e, w, และ y ต้องเปลี่ยนรูป และคำส่วนมากจะตัด e, w, และ y และเติม al ต่อท้ายได้เลย ยกเว้นตัว y จะต้องเปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม al ตัวอย่างเช่น
- Arrive เปลี่ยนเป็น Arrival
- Refuse เปลี่ยนเป็น Refusal
- Survive เปลี่ยนเป็น Survival
- Withdraw เปลี่ยนเป็น Withdrawal
- Deny เปลี่ยนเป็น Denial
- Try เปลี่ยนเป็น Trial
- การใช้ –ance, -ence อ่านว่า เอ็นซ์ การเปลี่ยนจาก verb to noun suffix ตัวอย่างเช่น
- Resist เปลี่ยนเป็น Resistance
- Assist เปลี่ยนเป็น Assistance
- Differ เปลี่ยนเป็น Difference
- Depend เปลี่ยนเป็น Dependence
- Appear เปลี่ยนเป็น Appearance
- Prefer เปลี่ยนเป็น Preference
- การใช้ –ship อ่านว่า ชิฟ การเปลี่ยนจาก คำนาม (common noun) เพื่อให้เป็นอาการนาม (Abstract noun) หรือเพื่อแสดงความชำนาญในอาชีพและมีทักษะเฉพาะ ตัวอย่างเช่น
- Friend เปลี่ยนเป็น Friendship
- Owner เปลี่ยนเป็น Ownership
- King เปลี่ยนเป็น Kingship
- Member เปลี่ยนเป็น Membership
- Author เปลี่ยนเป็น Authorship
- Musician เปลี่ยนเป็น Musicianship
- Scholar เปลี่ยนเป็น Scholarship
- การใช้ –ee, -e อ่านว่า อี การเปลี่ยนจาก คำกริยา คำคุณศัพท์ หรือคำนาม เพื่อให้กลายเป็นผู้กระทำเฉพาะเรื่องนั้น หรืออาจจะใช้กับลักษณะของผู้ที่ได้ทำสิ่งนั้นผ่านพ้นไปแล้วเป็นตำนาน ตัวอย่างเช่น
- Absent (adj.) เปลี่ยนเป็น Absentee
- Devote (v.) เปลี่ยนเป็น Devotee
- Trust (v.) เปลี่ยนเป็น Trustee
- การใช้ –er, -or อ่านว่า เอ้อร์ การเปลี่ยนจาก คำกริยาปกติกลายเป็นผู้กระทำกริยานั้นโดยเฉพาะ มักจะใช้กับอาชีพก็ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น
- Run เปลี่ยนเป็น Runner
- Write เปลี่ยนเป็น Writer
- Employ เปลี่ยนเป็น Employer
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลที่มาอ้างอิง
- Suffix เติมส่วนท้ายให้สมบูรณ์. สืบค้น 5 ธันวาคม 264. จากเว็บไซด์ http://learning4com/suffix-เติมส่วนท้ายให้สมบูรณ/
- Anothai. สืบค้น 5 ธันวาคม 264. จากเว็บไซด์ https://km.nssc.ac.th/external_links.php?links=4471
อัพเดทครั้งสุดท้าย เมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2023