หุ้นทุนได้รับคืน

2 กรณี หุ้นทุนที่ได้รับคืนทำไมห้ามบริษัทเป็นเจ้าของ?

หุ้นทุนที่ได้รับคืน คือ

หุ้นทุนที่ได้รับคืน หมายถึง หุ้นทุนของบริษัทที่นำไปออกจำหน่ายโดยได้รับชำระค่าหุ้นครบถ้วนและออกใบหุ้นแล้ว  ซึ่งภายหลังบริษัทได้รับคืนหุ้นมาถือไว้เองนั้น โดยไม่ได้ยกเลิกหุ้นทุน บริษัทจะต้องนำออกจำหน่ายใหม่โดยเร็วหรือยกเลิกแล้วแต่กรณี ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1143 ได้กำหนดไว้ว่า ห้ามไม่ให้บริษัทจำกัดเป็นเจ้าของถือหุ้นของตนเอง หรือรับจำนำหุ้นของตนเอง ส่วนพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ตามมาตราที่ 66 ได้กำหนดไว้ว่า บริษัทจะเป็นเจ้าของหุ้นหรือรับจำนำหุ้นของตนเองมิได้เช่นกัน

การ ริบ หุ้น

หุ้นทุนที่ได้รับคืน
หุ้นทุนที่ได้รับคืน

หุ้นทุนซื้อคืน บันทึกบัญชี

การซื้อคืนหุ้นทุนเป็นกระบวนการทางธุรกิจที่บริษัทตัดสินใจซื้อคืนหุ้นของตนเองจากผู้ถือหุ้น การซื้อคืนหุ้นทุนอาจมีเหตุผลหลายประการ เช่น เพื่อเพิ่มมูลค่าตลาดของหุ้นที่มีการค้าขายน้อยลง หรือเพื่อลดจำนวนหุ้นที่มีอยู่ในตลาดเพื่อเสริมและปรับปรุงทรัพยากรของบริษัท การซื้อคืนหุ้นทุนสามารถทำได้ผ่านกลไกทางการเงินต่างๆ เช่น การเสนอซื้อคืนหุ้นที่ราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้าหรือการซื้อคืนทางตลาดซึ่งผู้ถือหุ้นสามารถขายหุ้นกลับไปให้กับบริษัทที่ราคาที่ตกลงกันไว้ กลไกการซื้อคืนหุ้นทุนแต่ละวิธีจะมีผลต่อการบันทึกบัญชีของบริษัทได้ต่างกัน ต่อไปนี้คือตัวอย่างการบันทึกบัญชีในกรณีซื้อคืนหุ้นทุนทางตลาด

  1. กรณีการเสนอซื้อคืนทางตลาด

    • ในเงื่อนไขการซื้อคืนที่ราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า บริษัทจะทำการซื้อคืนหุ้นที่ราคาที่กำหนดเมื่อมีการขายหุ้นกลับมาให้บริษัท
    • การบันทึกบัญชีในกรณีนี้ คุณต้องทำการลดรายการหุ้นที่บริษัทถืออยู่ในบัญชีของคุณและเพิ่มบัญชีเงินสดหรือเงินที่ต้องการใช้ในการซื้อคืนหุ้น
    • ตัวอย่างการบันทึกบัญชี
      • ลดบัญชีหุ้นที่ถืออยู่ (หัวข้อบัญชี หุ้นที่ถืออยู่) และเพิ่มบัญชีเงินสด (หัวข้อบัญชี เงินสดหรือเทียบเท่าเงินสด)
  2. กรณีการเสนอซื้อคืนที่ราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า

    • ในกรณีนี้ บริษัทจะเสนอซื้อคืนหุ้นที่ราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้ากับผู้ถือหุ้น
    • เมื่อมีการตอบรับจากผู้ถือหุ้น บริษัทจะต้องทำการจ่ายเงินตามราคาที่ตกลงกันไว้ให้กับผู้ถือหุ้น
    • การบันทึกบัญชีในกรณีนี้คุณต้องลดรายการเงินสดหรือเงินที่ใช้ในการซื้อคืนหุ้น และลดบัญชีหุ้นที่เสนอซื้อคืน (หัวข้อบัญชี หุ้นที่เสนอซื้อคืน) และเพิ่มบัญชีหุ้นที่ถืออยู่ (หัวข้อบัญชี หุ้นที่ถืออยู่)
    • ตัวอย่างการบันทึกบัญชี
      • ลดบัญชีเงินสด (หัวข้อบัญชี เงินสดหรือเทียบเท่าเงินสด) และลดบัญชีหุ้นที่เสนอซื้อคืน (หัวข้อบัญชี หุ้นที่เสนอซื้อคืน) และเพิ่มบัญชีหุ้นที่ถืออยู่ (หัวข้อบัญชี หุ้นที่ถืออยู่)

สำหรับกรณีที่มีการซื้อคืนหุ้นทุนแบบอื่นๆ หรือกรณีที่ไม่เหมือนกับที่ได้กล่าวมาข้างต้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการบัญชีหรือผู้ที่มีความรู้เฉพาะทางเกี่ยวกับบัญชีการเงินเพื่อให้คำแนะนำที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ในการบันทึกบัญชี

หุ้นทุนได้รับคืน จะแสดงในงบแสดงฐานะการเงินอย่างไร

การรับคืนหุ้นทุนจะมีผลต่องบแสดงฐานะการเงินของบริษัท โดยปกติแล้วการรับคืนหุ้นทุนจะถูกบันทึกในงบทดลองและงบรายได้ของบริษัท ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของการแสดงในงบแสดงฐานะการเงิน

  1. บันทึกในงบทดลอง

    • หุ้นที่รับคืนจะถูกลดจากบัญชีหุ้นที่ถืออยู่ในงบทดลอง
    • รายการเงินสดหรือส่วนที่ใช้ในการรับคืนหุ้นจะถูกเพิ่มเข้าไปในบัญชีเงินสดในงบทดลอง
  2. บันทึกในงบรายได้

    • หากการรับคืนหุ้นทุนเกิดขึ้นในระหว่างปีบัญชี รายได้จากการรับคืนหุ้นจะถูกบันทึกในบัญชีรายได้หรือบัญชีรายได้สะสม
    • รายการเงินสดหรือส่วนที่ใช้ในการรับคืนหุ้นจะถูกเพิ่มเข้าไปในบัญชีเงินสดในงบรายได้

การบันทึกในงบแสดงฐานะการเงินจะสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในรายการหุ้นที่ถืออยู่และรายได้ที่เกิดจากการรับคืนหุ้น ทำให้ผู้ใช้งานสามารถวิเคราะห์ผลกระทบทางการเงินของการรับคืนหุ้นได้ในงบแสดงฐานะการเงินของบริษัท

ออกจําหน่ายหุ้นสามัญ บันทึกบัญชี

การออกจำหน่ายหุ้นสามัญหมายถึงกระบวนการที่บริษัทตัดสินใจขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นทั่วไปหรือผู้ลงทุนภายนอก การออกจำหน่ายหุ้นสามัญสามารถเป็นไปได้ในรูปแบบต่างๆ เช่น การเสนอขายหุ้นผ่านทางตลาดหลักทรัพย์, การเสนอขายหุ้นผ่านทางโรงงานหุ้น (IPO), หรือการเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ลงทุนส่วนตัว การบันทึกบัญชีในกรณีออกจำหน่ายหุ้นสามัญจะต้องทำการปรับปรุงรายการหุ้นที่ถืออยู่และรายการรายได้ของบริษัท ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของการบันทึกบัญชีในกรณีออกจำหน่ายหุ้นสามัญ

  1. การออกจำหน่ายผ่านทางตลาดหลักทรัพย์

    • หุ้นที่จะออกจำหน่ายจะถูกลดจากบัญชีหุ้นที่ถืออยู่
    • รายการรายได้จากการออกจำหน่ายหุ้นจะถูกบันทึกในบัญชีรายได้หรือบัญชีรายได้สะสม
  2. การออกจำหน่ายผ่านทางโรงงานหุ้น (IPO)

    • หุ้นที่จะออกจำหน่ายจะถูกลดจากบัญชีหุ้นที่ถืออยู่
    • รายการรายได้จากการออกจำหน่ายหุ้นจะถูกบันทึกในบัญชีรายได้หรือบัญชีรายได้สะสม
  3. การออกจำหน่ายให้แก่ผู้ลงทุนส่วนตัว

    • หุ้นที่จะออกจำหน่ายจะถูกลดจากบัญชีหุ้นที่ถืออยู่
    • รายการรายได้จากการออกจำหน่ายหุ้นจะถูกบันทึกในบัญชีรายได้หรือบัญชีรายได้สะสม

การบันทึกบัญชีในกรณีออกจำหน่ายหุ้นสามัญจะสะท้อนถึงการปรับปรุงในรายการหุ้นที่ถืออยู่และรายได้ที่เกิดจากการออกจำหน่าย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถวิเคราะห์ผลกระทบทางการเงินของการออกจำหน่ายหุ้นสามัญได้ในงบแสดงฐานะการเงินของบริษัท

การซื้อหุ้นคืนสามารถทำได้ในบริษัทมหาชนจำกัด ตามมาตราที่ 66/1 ดังนี้

  1.  บริษัทอาจซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่ออกเสียงไม่เห็นด้วยกับมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งแก้ไขข้อบังคับของบริษัทเกี่ยวกับสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนและสิทธิในการรับเงินปันผล ซึ่งผู้ถือหุ้นเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม
  2.  บริษัทอาจซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน เมื่อบริษัทมีกำไรสะสมและมีสภาพคล่องส่วนเกิน และการซื้อหุ้นคืนนั้น ไม่เป็นเหตุทำให้บริษัทประสบปัญหาทางการเงิน

ในกรณีที่บริษัทจำกัดต้องการที่จะถือหุ้นตนเองในลักษณะใดก็ตาม จะต้องนำขายทอดตลาดโดยไม่ชักช้า  ตามที่กำหนดไว้ใน มาตราที่ 1125  แต่ถ้าเป็นบริษัทมหาชนจำกัด  หุ้นที่ซื้อคืนมาจะต้องจำหน่ายออกไปภายในเวลาที่กำหนดในกฎกระทรวง  หากไม่มีการจำหน่ายหรือจำหน่ายไม่หมดภายในเวลาที่กำหนด ให้บริษัททำการลดทุนที่ชำระแล้วโดยวิธีจดทะเบียนส่วนที่จำหน่ายไม่ได้ ซึ่งกำหนดไว้ใน มาตรา  66/1 วรรค 3


ขั้นตอนการเลิก

1.บริษัทจะเลิกกันได้ด้วยเหตุดังต่อไปนี้

1.1 เลิกโดยผลของกฎหมาย
(1) กรณีข้อบังคับก าหนดเหตุเลิกไว้และเมื่อมีเหตุนั้นเกิดขึ้น
(2) ตั้งบริษัทโดยก าหนดระยะเวลาไว้และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลานั้น
(3) ตั้งบริษัทเพื่อท ากิจการอย่างหนึ่งอย่างใด และเมื่อท ากิจการนั้นเสร็จแล้ว
(4) บริษัทล้มละลาย

1.2 โดยความประสงค์ของผู้ถือหุ้น
(1) ผู้ถือหุ้นลงมติพิเศษให้เลิกบริษัท การเลิกและช าระบัญชีบริษัทจ ากัดในกรณีที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติพิเศษให้เลิกบริษัท โดยด าเนินการจัดประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น เพื่อลงมติพิเศษให้เลิกบริษัทด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจ านวนหุ้นที่เข้าประชุม

1.3 เลิกโดยค าสั่งศาล เหตุที่ศาลจะสั่งเลิกบริษัทคือ
(1) ท าผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือท าผิดในการประชุมตั้งบริษัท
(2) บริษัทไม่เริ่มประกอบการภายใน 1 ปีนับแต่จดทะเบียน หรือหยุดท าการถึง 1 ปี
(3)การค้ามีแต่ขาดทุนและไม่มีหวังกลับฟื้นคืน
(4) จ านวนผู้ถือหุ้นเหลือไม่ถึง 3 คน
(5) เมื่อมีเหตุที่ท าให้บริษัทเหลือวิสัยที่จะด ารงอยู่ได้ค าขอจดทะเบียนเลิกและอ านาจของผู้ช าระบัญชีของบริษัท จะต้องลงลายมือชื่อโดยผู้ช าระบัญชี ซึ่งได้แก่กรรมการที่ลงชื่อผูกพันบริษัทตามที่จดทะเบียนไว้ก่อนเลิก การแต่งตั้งผู้ช าระบัญชีของบริษัท หากข้อบังคับของบริษัทไม่ได้ก าหนดไว้เป็นอย่างอื่น กรรมการทุกคนของบริษัทต้องเป็นผู้ช าระบัญชี โดยผลของกฎหมาย ถ้าผู้ช าระบัญชีมีหลายคน ผู้ช าระบัญชีทุกคนต้องกระท าการร่วมกัน เว้นแต่ที่ประชุมใหญ่หรือศาลจะได้ก าหนดอ านาจไว้เป็นอย่างอื่น ในกรณีที่บริษัทไม่ได้ก าหนดข้อบังคับในเรื่องการตั้งผู้ช าระบัญชีไว้ หากบริษัทประสงค์จะตั้งกรรมการบางคน หรือ กรรมการคนใดคนหนึ่ง หรือบุคคลอื่นที่ไม่ใช่กรรมการของบริษัทเป็นผู้ช าระบัญชีจะต้องให้ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นของบริษัทมีมติตั้งผู้ช าระบัญชีหรือก าหนดอ านาจของผู้ช าระบัญชี เมื่อบริษัทจ ากัดซึ่งเป็นนิติบุคคลเลิกกัน บริษัทจะยังคงตั้งอยู่เพื่อการช าระบัญชี การเลิกบริษัทกรณีอื่นนอกจากล้มละลายต้องมีการแต่งตั้งผู้ช าระบัญชี เพื่อด าเนินการจดทะเบียนเลิกบริษัทและช าระบัญชีของบริษัทให้เสร็จสิ้นไป เช่น การรวบรวมทรัพย์สิน ช าระหนี้ ชดใช้เงินทดรองและค่าใช้จ่ายที่กรรมการได้ออกไปในการด าเนินกิจการค้าแทนบริษัท หากมีทรัพย์สินเหลือให้คืนทุนและเฉลี่ยเป็นก าไรในระหว่างผู้ถือหุ้น และจดทะเบียนเสร็จการช าระบัญชี เมื่อได้จดทะเบียนเสร็จการช าระบัญชีแล้ว การฟ้องคดีเรียกหนี้สินที่บริษัท กรรมการหรือผู้ช าระบัญชีเป็นหนี้อยู่นั้น จะต้องท าการฟ้องภายใน 2 ปีนับแต่วันเสร็จสิ้นการช าระบัญชี

2. ผู้ช าระบัญชีจัดท าค าขอและยื่นค าขอจดทะเบียนเลิกบริษัท

3. ประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ 1 ครั้ง (บอกกล่าวการเลิก)

4. ส่งค าบอกกล่าวเป็นจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย์ไปยังเจ้าหนี้ (ถ้ามี) ขั้นตอนตาม 2-4 ผู้ช าระบัญชีต้องด าเนินการภายใน 14 วัน นับแต่วันที่เลิกบริษัท

อ่านบทความทั้งหมด >>> pangpond.com