ใบส่งของ คือ
ใบส่งของ คือ ( Delivery note ) หรือ ใบส่งสินค้า เป็นเอกสารที่ผู้ส่ง (ผู้ขาย) ใช้เป็นหลักฐานในการส่งมอบสินค้า รายละเอียดภายในใบส่งสินค้าก็จะเป็นชนิดของสินค้า จำนวนของสินค้า ลักษณะของสินค้าที่ถูกส่งมอบ เอกสารใบส่งของมีความสำคัญมากเมื่อเกิดเหตุการณ์หรือข้อพิพาทระหว่างผู้ส่งของ และผู้รับของไม่ว่าจะเป็นจำนวนของสินค้าที่ไม่ถูกต้อง ลักษณะของสินค้าไม่เป็นไปตามที่ตกลงในใบส่งของ
ใบส่งของ ใช้ตอนไหน
ในทางบัญชี ต้องดูว่ากิจการมีการเคลื่อนย้ยขนถ่ายส่งสินค้าให้กับลูกค้าแล้วรึยัง หากยังก็จะไม่มีผลทางบัญชี ไม่จำเป็นต้องบันทึกบัญชี แต่เป็นการออกเอกสารให้กับลูกค้า ว่าจะมีการส่งของให้วันไหน ของจะถึงวันไหน
ส่วน เลขที่ วันที่ หรอืข้อความ ก็ไม่จำเป็นต้องตรงตามใบกำกับภาษีตามที่สรรพากรกำหนด เนื่องจากเอกสารใบนี้ ไม่สามารนำมาใช้ได้ในทางภาษีซื้อ และภาษีขายได้ และการออกเอกสารส่งของให้นั้น บางครั้ง ใบกำกับภาษีขาย ก็อาจจะรันเลขที่ หรือวันที่ไปก่อนหน้าที่ จะมีการนำส่งสินค้าจากใบสั่งซื้อนั้นเองนั้นเอง
บันทึกบัญชีหรือไม่
โดยทั่วไป เป็นเอกสารชนิดเดียวกัน หากกิจการไม่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม การจัดทำใบส่ง ของอาจไม่มีผลต่อกรมสรรพากรสักเท่าไร แต่มีผลแน่!! ต่อการดำเนินธุรกิจ อย่างเช่น
- การขนย้ายสินค้าจากคลังหนึ่ง ไปอีกคลังหนึ่ง
- เลื่อนย้ายจากคลัง ไปยังสถานที่ของลูกค้า
- การตัดสต็อกสินค้า
- การควบคุมภายในของกิจการ
- การเบิกสินค้าตัวอย่าง เป็นต้น
แต่หากกิจการของท่านอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เอกสารที่หัวมีคำว่า “ใบส่งของ” แสดงอยู่ มีผลกับกรมสรรพากร โดยตรงแน่นอน เพราะการออกเอกสารที่มีคำว่า “ใบส่งของ” กำกับอยู่ ถือเป็นการเคลื่อนย้ายสินค้าออกจากคลังที่เก็บ จึงต้องมีตัวภาษีมูลค่าเพิ่มเข้ามาเกี่ยวข้องทุกครั้ง เพราะฉะนั้น การนำใบ ส่งของมาใช้ในกิจการ จึงต้องดูความสะดวกในการจัดทำบัญชี การทำงานของระบบภายในกิจการ หรือ การจัดทำภาษีของผู้ประกอบ ว่าควรใช้ ใบส่ง ของ คู่กับเองสารแบบใด เช่น
ตัวอย่าง ใบส่งของ
กรณีที่ 1 มีการตกลงซื้อสินค้า แต่สินค้ายังไม่มีพร้อมส่ง
ผู้ซื้อ ได้ทำการ โอนเงินเพื่อชำระ ไม่ว่าจะเต็มจำนวนหรือไม่เต็มจำนวน กิจการก็อาจออกใบกำกับภาษีพร้อมใบเสร็จรับเงิน และบันทึกบัญชีภาษีขาย เมื่อสินค้าพร้อมส่งค่อยออก ” ใบ ส่ง ของ “ ให้ผู้ซื้อเซ็นรับเพียงอย่างเดียวเพื่อเก็บเป็นหลักฐานก็ได้
กรณีที่ 2 กิจการได้ทำการตกลงขายสินค้าให้กับลูกค้าแล้ว
เมื่อมีการตกลงซื้อขายเป็นที่เรียบร้อยแน่นอน และมีการขนย้ายสินค้าไปยังสถานที่ของลูกค้า แต่ลูกค้ายงไม่ได้ชำระเงิน กรณีนี้ กิจการก็จำเป็นจะต้อง ออกเอกสารชื่อมีหัวว่า “ใบส่งของ/ใบกำกับภาษี” ก็ได้ เนื่องจากมีการขนย้ายสินค้าออกจากคลังแล้ว ลูกค้าก็จะสามารถ ใช้สิทธิใบกำกับภาษีไปใช้ได้เลย เป็นต้น
เพิ่มเติม : แต่ทั้งนี้ประเด็นการออก ใบ ส่งของ ไม่ใช้ปัญหาหลัก แต่จะเป็นการออกใบกำกับภาษี เนื่องจาก ผู้ซื้อ และ ผู้ขาย จะต้องนำสิทธิภาษีมูลค่าเพิ่มมาใช้ หากมีข้อผิดพลาดในการใช้สิทธิภาษีมูลค่าเพิ่ม สรรพากร ก็อาจตรวจสอบได้
รายละเอียดที่ควรมี (Delivery note)
- รายละเอียดสำคัญของสินค้าที่จะต้องนำส่งอย่างจำนวนหน่วย ปริมาณ ลักษณะ คุณภาพ ตลอดจนมูลค่าของสินค้า
- ชื่อ และที่อยู่ของผู้รับของหรือสินค้า
- สถานที่ในการจัดส่ง
- ลายเซ็นจากผู้ที่ดำเนินการส่ง เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการดำเนินการจัดส่งจริง
- ลายเซ็นผู้รับ เพื่อยืนยันว่าสินค้าที่ถูกส่งมาตรงตามที่ได้ตกลง และได้นำมาส่งมอบจริง หลังจากมีผู้เซ็นรับใบก็จะถูกยืนยันว่ามีการส่ง และการรับของจริง
กฎหมายก็ยังไม่ได้กำหนด หรือ เข้ามาควบคุมการจัดทำ อย่างชัดเจน แต่ เอกสารขนิดนี้ก็มีผลต่อกฎหมาย หากเกิดมีคดีความก็สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานได้
แบบฟอร์ม ส่งสินค้า Pdf
แบบฟอร์ม ส่งสินค้า Excel
แบบฟอร์ม ส่งสินค้า Word